การบริหารจัดการพลังงาน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 
แนวทางการจัดการและแนวปฏิบัติ

บริษัทดำเนินงานตามนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่รวมถึงประเด็นด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนั้น บริษัทได้ตั้งเป้าหมาย และกำหนดกลยุทธ์ด้านการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและพลังงานที่ครอบคลุมกิจกรรมตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อนำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มีประสิทธิภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน บริษัทได้จัดตั้งคณะกรรมการระบบบริหารคุณภาพ คณะกรรมการความปลอดภัย และคณะกรรมการบริหารคุณภาพและประสิทธิภาพ เพื่อกำกับดูแลการบริหารจัดการคุณภาพและสิ่งแวดล้อมภายในบริษัท รวมถึงการจัดตั้งคณะทำงานด้านการจัดการพลังงาน เพื่อดูแลและดำเนินงานด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้พลังงานในกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การใช้เชื้อเพลิง การใช้ไฟฟ้า การใช้น้ำ และการใช้กระดาษ

ทั้งนี้ บริษัทได้มีการทวนสอบปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรปี 2567 ทั้ง 3 ขอบเขต โดยผู้ตรวจประเมินภายนอก บริษัท ทูฟ นอร์ด (ประเทศไทย) จำกัด (TUV NORD) และได้ขึ้นทะเบียนรับรองการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร กับ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์กรมหาชน) (อบก.)


ผลกระทบต่อธุรกิจและผู้มีส่วนได้เสีย

จากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น การเกิดภาวะโลกร้อน การเกิดภัยพิบัติ อุทกภัย ส่งผลให้เกิดการเสียสมดุลทางธรรมชาติ และเกิดความเสียหายต่อสิ่งมีชีวิต ธรรมชาติ บ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้ หลายองค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนในระดับโลกจึงจำเป็นต้องดำเนินมาตรการต่าง ๆ อาทิ การออกภาษีคาร์บอน หรือการคิดค้นนวัตกรรมดักจับก๊าซเรือนกระจก เพื่อลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งเป็นปัจจัยที่บริษัทต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ดังนั้นหากบริษัทไม่มีมาตรการบรรเทาและปรับตัวต่อผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้มีประสิทธิภาพ บริษัทจะมีความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้น เช่น ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น รวมถึงการค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากความเสียหายของโครงสร้างพื้นฐานจากการเกิดภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วม จนอาจทำให้ธุรกิจหยุดชะงักได้ส่งผลให้บริษัทสูญเสียความเชื่อมั่นของชุมชนและสังคม คู่ค้า และนักลงทุนได้

ความมุ่งมั่น ความท้าทาย และโอกาส

ด้วยธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัทจำเป็นต้องพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถรับมือต่อภัยพิบัติที่จะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะธุรกิจระบบรางของบริษัทที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าในปริมาณสูงเพื่อดำเนินธุรกิจและให้บริการลูกค้าซึ่งเป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม บริษัทจึงมุ่งมั่นที่่จะลดการใช้พลังงานผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อนำมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ และส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน โดยกำหนดนโยบาย และทบทวนเป้าหมายที่เกี่ยวข้องเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นแนวทางบริหารจัดการภายในบริษัทให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันรวมถึงการสร้างความตระหนักและการรับรู้ของพนักงาน ส่งเสริมโครงการและกิจกรรมต่างๆ และมาตรการที่จำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2608 ให้สอดคล้องและตอบสนองความคาดหวังของนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ เพื่อบรรเทาความเสี่่ยงที่่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศในอนาคต และแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบของบริษัทต่อหน่วยงานภาครัฐ ชุมชนและสังคม และสนับสนุนให้ลูกค้าสามารถใช้บริการคมนาคมขนส่งที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ

 
 
บริษัทมีความมุ่งมั่นในการตอบสนองตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) และการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change Conference of the Parties: UNFCCC COP) สมัยที่ 26 หรือ COP26 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มเกิน 1.5 องศาเซลเซียส รวมถึงการดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2593 และการไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2608 บริษัทจึงได้กำหนดกระบวนการในการตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามหลักวิทยาศาสตร์ (Science Based Targets initiative : SBTi) โดยเริ่มจากการคำนวณปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่บริษัทปล่อยออกมาในปัจจุบัน และใช้ปี 2566 เป็นปีฐาน ซึ่งมีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวน 143,834 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ทั้งนี้ในปี 2566 บริษัทมีการวางแผนกลยุทธ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยบริษัทกำหนดขอบเขตการดำเนินงานในลักษณะควบคุมการดำเนินงาน (OPERATION CONTROL) สำหรับทั้ง 3 ขอบเขตของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
 

 

นโยบายสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ

บริษัทดำเนินงานตามนโยบายสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ โดยมุ่งเน้นความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้สอดคล้องตามหลักการและมาตรฐานสากลอย่างต่อเนื่อง อาทิ มาตรฐาน ISO 50001 ซึ่งเป็นมาตรฐานการจัดการพลังงานสากล เพื่อสร้างความยั่งยืนในการดำเนินงาน และครอบคลุมถึงการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท

อ่านรายละเอียดเพิ่มเกี่ยวกับนโยบายสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ https://www.bemplc.co.th/CorporatePolicy

การจัดการความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

บริษัทให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงได้บูรณาการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กร ทั้งนี้ บริษัทได้มอบหมายให้ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ งานกฎหมายและกำกับดูแล ทำหน้าที่ดำเนินการและพัฒนากระบวนการบริหารความเสี่ยงโดยรวมขององค์กร รวมถึงการบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ บริษัทได้กำหนดให้พนักงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ชี้บ่ง ประเมิน กำหนดมาตรการจัดการความเสี่ยง ติดตามและทบทวนความเสี่ยงเป็นประจำทุกปี เพื่อให้สามารถวางแผนรับมือความเสี่ยง ตลอดจนลดหรือบรรเทาผลกระทบได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงทีหากความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นเกิดขึ้น
 

นอกจากนี้ บริษัทได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (Thailand Carbon Neutral Network : TCNN) ซึ่งเครือข่ายนี้มีความมุ่งมั่นและจุดยืนที่สอดคล้องกับบริษัท ในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ภาครัฐ และชุมชน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

การบริหารจัดการพลังงานจากการใช้ไฟฟ้าและเชื้อเพลิง

การใช้พลังงานของบริษัทประกอบด้วยการใช้ไฟฟ้าเป็นหลัก บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการลดใช้ไฟฟ้า โดยได้พิจารณาในการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเหมาะสมเข้ามาสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทมีการปรับปรุงระบบเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้กับอุปกรณ์บนทางพิเศษ ระบบรถไฟฟ้า อาคารสำนักงาน และพื้นที่ปฏิบัติงานอื่นๆ เช่น การเปลี่ยนหลอดไฟเป็นชนิด LED และการติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์

ทั้งนี้ บริษัทมีการรณรงค์ให้พนักงานในทุกระดับและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์พลังงาน พร้อมทั้งสื่อสารแนวทางปฏิบัติและการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พลังงาน รวมถึงจัดทำรายงานการใช้พลังงาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการวางแผน พัฒนา และปรับปรุงมาตรการบริหารจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพต่อไป

การบริหารจัดการมลพิษ

บริษัทให้ความสำคัญในการบริหารจัดการมลพิษตามมาตรฐาน ISO 14001 และการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment: EIA) โดยได้ดำเนินการตามมาตรการติดตามตรวจสอบควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Mitigation Measures and Monitoring Program : EMP) ภายใต้กรอบนโยบายสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ รวมถึงข้อกำหนดกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนรายรอบเส้นทาง โดยมีการควบคุมมลพิษจากการดำเนินงานของบริษัทและมีการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จัดทำมาตรการป้องกันและลดผลกระทบที่เกี่ยวข้อง มีการวางแผนการตรวจสอบและซ่อมบำรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอพร้อมทั้งมีการตรวจวัด ติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งคัดเลือกอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย  มีประสิทธิภาพสูงมาใช้ในการดำเนินงาน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน และพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งสาธารณะที่ปล่อยมลพิษต่ำและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ บริษัทมีการควบคุมมลพิษตามเส้นทางการเดินรถไฟฟ้าเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยดำเนินการตรวจวัดมลพิษทั้งในด้านฝุ่นละอองและเสียง แม้ว่าผลการตรวจวัดอาจได้รับผลกระทบจากมลพิษที่เกิดจากปัจจัยภายนอก แต่บริษัทยังคงมุ่งมั่นในการควบคุมมลพิษและปรับปรุงสภาพแวดล้อมในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น

เราใช้คุ้กกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ bemplc.co.th ของท่านที่ดีกว่าเดิม ในการใช้งานเว็บไซต์ของเรา ถือว่าท่านยอมรับการใช้คุ้กกี้ตามที่ระบุใน นโยบายคุ้กกี้