
การบริหารจัดการความเสี่ยง
แนวทางการจัดการ และแนวปฏิบัติ
การบริหารจัดการความเสี่ยงช่วยให้บริษัทรู้เท่าทันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น สามารถเตรียมพร้อมและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพธุรกิจได้อย่างเหมาะสมและทันเวลา บริษัทจึงกำหนดนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยงและกำหนดกรอบการบริหารความเสี่ยงองค์กร (Enterprise Risk Management : ERM) ตามมาตรฐานสากลเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนธุรกิจของบริษัท และให้พนักงานทุกระดับมีส่วนรับผิดชอบในการบริหารความเสี่ยง นอกจากนี้ บริษัทยังจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงประจำปีและคู่มือบริหารความเสี่ยงเพื่อให้กระบวนการบริหารจัดการความเสี่ยงถูกดำเนินอย่างเป็นระบบสอดคล้องต่อกลยุทธ์ทางธุรกิจและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเท่าทันต่อแนวโน้มของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ผลกระทบต่อธุรกิจและผู้มีส่วนได้เสีย
บริษัทตระหนักถึงสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่อาจเกิดจากปัจจัยภายในและภายนอกบริษัท รวมถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ (Emerging Risk) ล้วนแล้วอาจส่งผลให้การดำเนินธุรกิจเกิดความล่าช้าหรือการหยุดชะงัก และส่งผลเสียต่อความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้เสีย การบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากลจึงเป็นกระบวนการสำคัญที่จะสร้างความมั่นใจอันมีผลต่อการตัดสินใจในการลงทุน และการร่วมงานของผู้ถือหุ้น คู่ค้าหรือผู้รับเหมา พนักงาน เจ้าหนี้ และหน่วยงานกำกับดูแลและภาครัฐว่าความเสี่ยงจะได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมผ่านกระบวนการวางแผน กำหนดกลยุทธ์ การติดตามและควบคุม เพื่อช่วยบรรเทาและป้องกันผลกระทบด้านลบ ปัจจัยเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน สร้างมูลค่าเพิ่ม สนับสนุนให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
บริษัทตระหนักถึงสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่อาจเกิดจากปัจจัยภายในและภายนอกบริษัท รวมถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ (Emerging Risk) ล้วนแล้วอาจส่งผลให้การดำเนินธุรกิจเกิดความล่าช้าหรือการหยุดชะงัก และส่งผลเสียต่อความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้เสีย การบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากลจึงเป็นกระบวนการสำคัญที่จะสร้างความมั่นใจอันมีผลต่อการตัดสินใจในการลงทุน และการร่วมงานของผู้ถือหุ้น คู่ค้าหรือผู้รับเหมา พนักงาน เจ้าหนี้ และหน่วยงานกำกับดูแลและภาครัฐว่าความเสี่ยงจะได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมผ่านกระบวนการวางแผน กำหนดกลยุทธ์ การติดตามและควบคุม เพื่อช่วยบรรเทาและป้องกันผลกระทบด้านลบ ปัจจัยเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน สร้างมูลค่าเพิ่ม สนับสนุนให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
ความมุ่งมั่น ความท้าทาย และโอกาส
ภายใต้สถานการณ์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความคาดหวังของผู้ใช้บริการและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี บริษัทมุ่งมั่นจัดการบริหารความเสี่ยงและวิกฤตการณ์อย่างรอบด้านควบคู่ไปกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี การรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนคำนึงถึงสิทธิและผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานและเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่มีคุณภาพและความปลอดภัย โดยให้มีการบริหารความเสี่ยงอย่างมีระบบ ทบทวนความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ กำหนดนโยบายและมาตรการการเฝ้าระวังต่าง ๆ รวมถึงแสวงหาโอกาสทางธุรกิจที่เกิดขึ้นใหม่จากการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เพื่อพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยี และการบริการให้ตอบสนองต่อความคาดหวังของลูกค้า และผู้มีส่วนได้เสียมากยิ่งขึ้น ตลอดจนให้พนักงานทุกระดับมีส่วนร่วมในการชี้บ่งประเด็นความเสี่ยงเพื่อที่บริษัทจะสามารถตอบสนองต่อความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มโอกาสทางการแข่งขัน อีกทั้งยังเป็นการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสียได้รับทราบแนวทางปฏิบัติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือ เพิ่มมูลค่า และผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในระยะยาวอย่างยั่งยืน


นโยบายและแนวปฏิบัติด้านการบริหารความเสี่ยง
การบริหารจัดการความเสี่ยงช่วยให้บริษัทรู้เท่าทันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนสามารถเตรียมพร้อมและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพธุรกิจได้อย่างเหมาะสมและทันเวลา บริษัทจึงกำหนดนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยง และกำหนดกรอบการบริหารความเสี่ยงองค์กร (Enterprise Risk Management : ERM) ตามมาตรฐาน COSO ให้เป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนธุรกิจของบริษัท และให้พนักงานทุกระดับมีส่วนรับผิดชอบในการบริหารความเสี่ยง นอกจากนี้ บริษัทยังจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงประจำปี และคู่มือบริหารความเสี่ยงเพื่อให้กระบวนการบริหารจัดการความเสี่ยงถูกดำเนินการอย่างเป็นระบบสอดคล้องต่อกลยุทธ์ทางธุรกิจ และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเท่าทันต่อแนวโน้มของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการบริหารความเสี่ยง https://www.bemplc.co.th/CorporatePolicy
โครงสร้างการบริหารความเสี่ยง
โครงสร้างการบริหารความเสี่ยงได้กำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกระดับ โดยคณะกรรมการบริษัทได้มอบหมายให้คณะกรรมการบรรษัทภิบาล บริหารความเสี่ยง และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระแยกออกจากส่วนงานบริหาร เป็นผู้รับผิดชอบพิจารณาอนุมัตินโยบายและกรอบบริหารความเสี่ยงองค์กร นอกจากนี้ยังมอบหมายให้ฝ่ายบริหาร ได้แก่ งานกฎหมายและกำกับดูแล สำนักตรวจสอบภายในและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่ดำเนินงานตามกระบวนการบริหารความเสี่ยงขององค์กรโดยรวม ติดตาม ประเมินผล และรายงานต่อคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ผู้รับผิดชอบสูงสุดในการปฏิบัติการต่อการบริหารจัดการความเสี่ยงขององค์กรและผู้รับผิดชอบสูงสุดในระดับปฏิบัติการต่อการตรวจสอบภายในองค์กร ได้แก่ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ งานกฎหมายและกำกับดูแล และผู้อำนวยการ สำนักตรวจสอบภายใน ตามลำดับ โดยบริษัทมีการรายงานความเสี่ยงขององค์กรต่อคณะกรรมการบรรษัทภิบาล บริหารความเสี่ยงและการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ/หรือคณะกรรมการบริษัททุกไตรมาส
• คณะกรรมการบริษัท เป็นผู้กำหนดแนวทางและอนุมัตินโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยงขององค์กร รวมทั้งติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อให้มั่นใจว่า บริษัทมีการระบุความเสี่ยงอย่างครบถ้วน มีการประเมินและบริหารจัดการ เพื่อให้ความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการบรรษัทภิบาล บริหารความเสี่ยง และการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อทำหน้าที่ดูแลและทบทวนการบริหารความเสี่ยงโดยรวมของบริษัทตามกรอบการบริหารความเสี่ยง (ERM Framework) กลยุทธ์ที่ใช้ในการบริหารความเสี่ยง และระบบเตือนภัยของความเสี่ยงทุกประเภท
• คณะกรรมการตรวจสอบ ทำหน้าที่สอบทานให้บริษัทมีระบบการควบคุมภายใน (Internal Control) และระบบการตรวจสอบภายใน (Internal Audit) ที่เหมาะสมและมีประสิทธิผล และพิจารณาความเป็นอิสระของหน่วยงานตรวจสอบภายใน รวมถึงการสอบทานภารกิจ ขอบเขตการปฏิบัติงาน ความเป็นอิสระ และแผนการพัฒนาและฝึกอบรมบุคลากรตรวจ สอบภายในให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ และมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับทิศทางการดำเนินงานของบริษัทและมาตรฐานสากล รวมถึงการพิจารณาและอนุมัติแผนงานตรวจสอบภายในประจำปี
• คณะกรรมการบรรษัทภิบาล บริหารความเสี่ยง และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทำหน้าที่พิจารณาแผนงานเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยง และการบริหารจัดการผู้มีส่วนได้เสียร่วมกับฝ่ายบริหาร เพื่อเสนอคณะกรรมการบริษัท ดูแลและทบทวนการบริหารความเสี่ยงโดยรวมของบริษัท กลยุทธ์ที่ใช้ในการบริหารความเสี่ยง และระบบเตือนภัยของความเสี่ยงทุกประเภท เพื่อจัดการความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ให้สอดคล้องกับนโยบายการบริหารความเสี่ยงของบริษัท รวมทั้งให้คำปรึกษาและคำแนะนำ สนับสนุนให้มีการปรับปรุงและพัฒนาระบบการบริหารความเสี่ยงภายในบริษัทอย่างต่อเนื่อง ติดตามและประเมินการปฏิบัติงานตามแผนการบริหารความเสี่ยง รวมถึงผลการบริหารจัดการผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อรายงานสถานะความเสี่ยงที่สำคัญของบริษัท และการดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงต่อคณะกรรมการบริษัท
• งานกฎหมายและกำกับดูแล ทำหน้าที่จัดทำ ดูแล และพัฒนากระบวนการบริหารความเสี่ยงของบริษัท รวมถึงการประสานงานกับงานความปลอดภัยและคุณภาพ และสำนักตรวจสอบภายใน เพื่อจัดเตรียมข้อมูลเสนอคณะกรรมการบรรษัทภิบาล บริหารความเสี่ยง และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
• สำนักตรวจสอบภายใน ทำหน้าที่ประสานงานกับงานความปลอดภัยและคุณภาพ เพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยง และมาตรการจัดการความเสี่ยงที่กำหนดไว้ รวมทั้งการตรวจสอบภายในตามแนวทางความเสี่ยง (Risk Base Audit) เพื่อให้มั่นใจว่า มาตรการจัดการความเสี่ยงระดับธุรกิจและในระดับอื่นที่สำคัญถูกนำไปปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และความเสี่ยงได้รับการควบคุมให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และรายงานต่อคณะกรรมการตรวจสอบ
บริษัทได้กำหนดมาตรการจัดการความเสี่ยงและดัชนีชี้วัดความเสี่ยงที่สำคัญ (Key Risk Indicator : KRI) เพื่อลดความเสี่ยงให้ระดับความเสี่ยงยังคงเหลืออยู่ (Residual Risk) อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ (Risk Appetite) และยังมีกระบวนการติดตามสถานการณ์และแนวโน้มของปัจจัยภายนอกอย่างต่อเนื่องแบ่งออกเป็น 5 ด้าน อ้างอิงตาม STEEP Analysis
5. การเฝ้าติดตามและการทบทวน (Monitoring and Reviewing)
บริษัทได้ติดตามการปฏิบัติงานตามมาตรการจัดการความเสี่ยงที่ได้กำหนดไว้ เพื่อให้แน่ใจว่ามาตรการจัดการความเสี่ยงมีประสิทธิภาพ สามารถจัดการความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ บริษัทได้กำหนดให้มีการทบทวนความเสี่ยงเป็นประจำทุกปี รวมถึงการเฝ้าติดตามและทบทวนมาตรการและความเสี่ยง ตลอดจนการสื่อสารและให้คำปรึกษาอยู่เสมอ (Continuous Improvement)
กรอบกระบวนการบริหารความเสี่ยง

โครงสร้างการบริหารความเสี่ยง
โครงสร้างการบริหารความเสี่ยงได้กำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกระดับ โดยคณะกรรมการบริษัทได้มอบหมายให้คณะกรรมการบรรษัทภิบาล บริหารความเสี่ยง และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระแยกออกจากส่วนงานบริหาร เป็นผู้รับผิดชอบพิจารณาอนุมัตินโยบายและกรอบบริหารความเสี่ยงองค์กร นอกจากนี้ยังมอบหมายให้ฝ่ายบริหาร ได้แก่ งานกฎหมายและกำกับดูแล สำนักตรวจสอบภายในและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่ดำเนินงานตามกระบวนการบริหารความเสี่ยงขององค์กรโดยรวม ติดตาม ประเมินผล และรายงานต่อคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ผู้รับผิดชอบสูงสุดในการปฏิบัติการต่อการบริหารจัดการความเสี่ยงขององค์กรและผู้รับผิดชอบสูงสุดในระดับปฏิบัติการต่อการตรวจสอบภายในองค์กร ได้แก่ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ งานกฎหมายและกำกับดูแล และผู้อำนวยการ สำนักตรวจสอบภายใน ตามลำดับ โดยบริษัทมีการรายงานความเสี่ยงขององค์กรต่อคณะกรรมการบรรษัทภิบาล บริหารความเสี่ยงและการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ/หรือคณะกรรมการบริษัททุกไตรมาส

• คณะกรรมการบริษัท เป็นผู้กำหนดแนวทางและอนุมัตินโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยงขององค์กร รวมทั้งติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อให้มั่นใจว่า บริษัทมีการระบุความเสี่ยงอย่างครบถ้วน มีการประเมินและบริหารจัดการ เพื่อให้ความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการบรรษัทภิบาล บริหารความเสี่ยง และการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อทำหน้าที่ดูแลและทบทวนการบริหารความเสี่ยงโดยรวมของบริษัทตามกรอบการบริหารความเสี่ยง (ERM Framework) กลยุทธ์ที่ใช้ในการบริหารความเสี่ยง และระบบเตือนภัยของความเสี่ยงทุกประเภท
• คณะกรรมการตรวจสอบ ทำหน้าที่สอบทานให้บริษัทมีระบบการควบคุมภายใน (Internal Control) และระบบการตรวจสอบภายใน (Internal Audit) ที่เหมาะสมและมีประสิทธิผล และพิจารณาความเป็นอิสระของหน่วยงานตรวจสอบภายใน รวมถึงการสอบทานภารกิจ ขอบเขตการปฏิบัติงาน ความเป็นอิสระ และแผนการพัฒนาและฝึกอบรมบุคลากรตรวจ สอบภายในให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ และมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับทิศทางการดำเนินงานของบริษัทและมาตรฐานสากล รวมถึงการพิจารณาและอนุมัติแผนงานตรวจสอบภายในประจำปี
• คณะกรรมการบรรษัทภิบาล บริหารความเสี่ยง และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทำหน้าที่พิจารณาแผนงานเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยง และการบริหารจัดการผู้มีส่วนได้เสียร่วมกับฝ่ายบริหาร เพื่อเสนอคณะกรรมการบริษัท ดูแลและทบทวนการบริหารความเสี่ยงโดยรวมของบริษัท กลยุทธ์ที่ใช้ในการบริหารความเสี่ยง และระบบเตือนภัยของความเสี่ยงทุกประเภท เพื่อจัดการความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ให้สอดคล้องกับนโยบายการบริหารความเสี่ยงของบริษัท รวมทั้งให้คำปรึกษาและคำแนะนำ สนับสนุนให้มีการปรับปรุงและพัฒนาระบบการบริหารความเสี่ยงภายในบริษัทอย่างต่อเนื่อง ติดตามและประเมินการปฏิบัติงานตามแผนการบริหารความเสี่ยง รวมถึงผลการบริหารจัดการผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อรายงานสถานะความเสี่ยงที่สำคัญของบริษัท และการดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงต่อคณะกรรมการบริษัท
• งานกฎหมายและกำกับดูแล ทำหน้าที่จัดทำ ดูแล และพัฒนากระบวนการบริหารความเสี่ยงของบริษัท รวมถึงการประสานงานกับงานความปลอดภัยและคุณภาพ และสำนักตรวจสอบภายใน เพื่อจัดเตรียมข้อมูลเสนอคณะกรรมการบรรษัทภิบาล บริหารความเสี่ยง และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
• สำนักตรวจสอบภายใน ทำหน้าที่ประสานงานกับงานความปลอดภัยและคุณภาพ เพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยง และมาตรการจัดการความเสี่ยงที่กำหนดไว้ รวมทั้งการตรวจสอบภายในตามแนวทางความเสี่ยง (Risk Base Audit) เพื่อให้มั่นใจว่า มาตรการจัดการความเสี่ยงระดับธุรกิจและในระดับอื่นที่สำคัญถูกนำไปปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และความเสี่ยงได้รับการควบคุมให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และรายงานต่อคณะกรรมการตรวจสอบ
กระบวนการบริหารความเสี่ยงองค์กร
เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทมีการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ และอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ บริษัทจึงกำหนดกระบวนการบริหารความเสี่ยงของบริษัท ดังต่อไปนี้
1. การสื่อสารและการปรึกษา (Communication and Consultation)
เป็นการหารือร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับบริบทและความเสี่ยง เพื่อให้ได้ข้อมูลและข้อคิดเห็น ตลอดจนความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยง รวมถึงการตัดสินใจในการจัดการความเสี่ยงได้อย่างรอบด้านและถูกต้องเหมาะสม
เป็นการหารือร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับบริบทและความเสี่ยง เพื่อให้ได้ข้อมูลและข้อคิดเห็น ตลอดจนความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยง รวมถึงการตัดสินใจในการจัดการความเสี่ยงได้อย่างรอบด้านและถูกต้องเหมาะสม
2. การกำหนดบริบท (Establishing the Context)
การระบุภาพรวมของบริษัท สภาพแวดล้อมภายในและภายนอก กระบวนการหลักที่สำคัญและการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ นโยบายและแผนการปฏิบัติงานในอนาคต
3. การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment)
ประกอบด้วย การชี้บ่งความเสี่ยง (Risk Identification) โดยพิจารณาจากสภาพแวดล้อมหรือปัจจัยทั้งภายในและภายนอกบริษัท เพื่อนำมาวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงโดยพิจารณาจากระดับโอกาสที่ความเสี่ยงนั้นจะเกิดขึ้น (Likelihood) ระดับผลกระทบที่ความเสี่ยงนั้นเกิดขึ้น (Impact) และระดับความเสี่ยงโดยรวม (Risk Exposure) ทั้งนี้ได้บูรณาการเกณฑ์ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการการประเมินความเสี่ยงองค์กร และการจัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยง (Risk Prioritization) โดยใช้แผนที่ความเสี่ยงจำแนกออกเป็นความเสี่ยง 4 ระดับได้แก่ สูงมาก สูง ปานกลาง และต่ำ
บริษัทได้กำหนดมาตรการจัดการความเสี่ยงและดัชนีชี้วัดความเสี่ยงที่สำคัญ (Key Risk Indicator : KRI) เพื่อลดความเสี่ยงให้ระดับความเสี่ยงยังคงเหลืออยู่ (Residual Risk) อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ (Risk Appetite) และยังมีกระบวนการติดตามสถานการณ์และแนวโน้มของปัจจัยภายนอกอย่างต่อเนื่องแบ่งออกเป็น 5 ด้าน อ้างอิงตาม STEEP Analysis
5. การเฝ้าติดตามและการทบทวน (Monitoring and Reviewing)
บริษัทได้ติดตามการปฏิบัติงานตามมาตรการจัดการความเสี่ยงที่ได้กำหนดไว้ เพื่อให้แน่ใจว่ามาตรการจัดการความเสี่ยงมีประสิทธิภาพ สามารถจัดการความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ บริษัทได้กำหนดให้มีการทบทวนความเสี่ยงเป็นประจำทุกปี รวมถึงการเฝ้าติดตามและทบทวนมาตรการและความเสี่ยง ตลอดจนการสื่อสารและให้คำปรึกษาอยู่เสมอ (Continuous Improvement)
กรอบกระบวนการบริหารความเสี่ยง
ความเสี่ยงต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท



บริษัทดำเนินการบริหารจัดการความเสี่ยงตามกระบวนการบริหารความเสี่ยงองค์กร โดยมีการประเมินความเสี่ยงโดยรวมในปี 2567 เป็นไปตามตารางด้านล่าง


ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่
บริษัทเฝ้าระวังและติดตามปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นใหม่ (Emerging Risk) ในช่วงระยะเวลา 3-5 ปีข้างหน้า เพื่อส่งเสริมศักยภาพในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคตและพัฒนาแนวทางป้องกันเชิงรุกอย่างมีประสิทธิภาพ


การจัดการภาวะวิกฤติและความต่อเนื่องทางธุรกิจ
บริษัทมีระบบบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจเพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงจัดทำระเบียบปฏิบัติงานเรื่องกระบวนการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ โดยมีการกำหนดช่วงเวลาหยุดชะงักที่ยอมรับได้สูงสุด (Maximum Tolerable Period of Disruption : MTPD) และเป้าหมายระยะเวลาที่ยอมรับได้ในการกลับมาให้บริการเดินรถได้เต็มรูปแบบ (Recovery Time Objective : RTO) รวมถึงแผนการฝึกซ้อมจัดการเหตุการณ์ตามแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจและสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การฝึกซ้อมแผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินกรณีระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติหยุดชะงัก เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทมีการทบทวนแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจเป็นประจำทุกปี เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทสามารถตอบสนองและควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที และมีการสื่อสารแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจและแนวทางการปฏิบัติที่ดีผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดประกวดการตอบคำถาม และประกวดการแสดงออกตามบทบาทของพนักงานในระหว่างฝึกซ้อมตามแผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ เป็นต้น