จรรยาบรรณธุรกิจ
การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน
แนวทางการจัดการ และแนวปฏิบัติ
บริษัทมีการกำหนดนโยบายและกลยุทธ์ด้านการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน และให้คณะกรรมการบรรษัทภิบาล บริหารความเสี่ยงและการพัฒนาอย่างยั่งยืน กำหนดจรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้า รวมถึงติดตามการดำเนินงาน และจัดทำระเบียบการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างที่ระบุหลักเกณฑ์ต่างๆ ไว้อย่างชัดเจนผลกระทบต่อธุรกิจและผู้มีส่วนได้เสีย
บริษัทมุ่งมั่นที่จะพัฒนาห่วงโซ่อุปทานและกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่คำนึงถึงประเด็นความเสี่ยงด้านความยั่งยืน เช่น การละเมิดสิทธิมนุษยชน การทำผิดจรรยาบรรณทางธุรกิจ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น เพื่อให้บริษัทสามารถระบุคู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูงและดำเนินการแก้ไขปรับปรุงได้อย่างเหมาะสม โดยจะช่วยป้องกันความเสี่ยงดังกล่าวไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการให้บริการของบริษัทและต่อผู้มีส่วนได้เสีย รวมทั้งเสริมสร้างการมีส่วนร่วมกับคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ ในการรักษาสินค้าและบริการให้เป็นไปตามมาตรฐานด้านคุณภาพและความความยั่งยืน พร้อมกับการรักษาสัมพันธภาพที่ดีในระยะยาว
ความมุ่งมั่น ความท้าทาย และโอกาส
เพื่อสร้างความมั่นใจ และให้สามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย บริษัทจึงกำหนดกลยุทธ์การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานและส่งเสริมความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้บริษัทสามารถส่งมอบบริการที่มีคุณภาพ รวดเร็ว และต่อเนื่องตามความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย

นโยบายและแนวปฏิบัติด้านการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน
บริษัทมีนโยบายการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ระเบียบปฏิบัติงาน และจรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้า ที่ครอบคลุมประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม ด้านสิทธิมนุษยชนและแรงงาน และด้านจริยธรรมทางธุรกิจ เพื่อเป็นกรอบในการดำเนินธุรกิจร่วมกับบริษัทและสนับสนุนให้คู่ค้ามีการดำเนินงานอย่างมีจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นแนวทางในการปฏิบัติให้กับพนักงาน คู่ค้าและผู้รับเหมาทั้งหมด ตามเจตนารมณ์ของบริษัทที่คำนึงถึงหลักธรรมาภิบาล ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และยกระดับความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการบริหารจัดการห่วงโช่อุปทาน https://www.bemplc.co.th/CorporatePolicy
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับจรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้า https://www.bemplc.co.th/supplierconduct
กลยุทธ์การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน
ปรับปรุงและพัฒนากระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานให้สนับสนุนการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนและให้ความสำคัญกับการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย
กระบวนการบริหารจัดการคู่ค้า
กระบวนการบริหารจัดการคู่ค้า
จรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้า (Supplier Code of Conduct)
บริษัทกำหนดจรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้าเพื่อเป็นข้อบังคับที่คู่ค้าทุกรายจะต้องรับทราบและปฏิบัติตาม โดยมีประเด็นครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม สิทธิมนุษยชน และแรงงาน (Society, Human Rights and Labor) และจริยธรรมทางธุรกิจ (Business Ethics) นอกจากนี้ บริษัทมีการทบทวนจรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถรับมือต่อประเด็นความเสี่ยงด้านความยั่งยืนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้อย่างทันท่วงที
เป้าหมายและดัชนีชี้วัดผลการดำเนินการ
บริษัทกำหนดเป้าหมายให้คู่ค้ารายใหม่ทั้งหมดผ่านการคัดกรองตามเกณฑ์ด้านความยังยืน ซึ่งครอบคลุมประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม สิทธิมนุษยชนและแรงงาน และด้านจริยธรรมทางธุรกิจ และกำหนดเป้าหมายความพึงพอใจของคู่ค้าไว้ไม่น้อยกว่า 85% ซึ่งในปี 2567 บริษัทมีคู่ค้ารายใหม่ทั้งหมดผ่านเกณฑ์ด้านเป้าหมายที่กำหนดไว้ 100% และมีผลความพึงพอใจของคู่ค้า เท่ากับ 99.11% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

บริษัทมีการกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติ รวมถึงแผนบริหารห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน เพื่อให้การดำเนินงานจัดซื้อจัดจ้างบรรลุเป้าหมายการดำเนินงานทั้งระยะสั้นและระยะยาว มุ่งเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน จัดให้บุคลากรของฝ่ายจัดซื้อเข้ารับการฝึกอบรม เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ปฏิบัติงานให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความรู้พื้นฐานด้านความยั่งยืนของธุรกิจและการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน และสามารถนำหลักการและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงกำหนดแผนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับกรอบการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ได้แก่ การคัดกรองและขึ้นทะเบียนคู่ค้า การจำแนกคู่ค้า การประเมินการดำเนินงานคู่ค้า และการพัฒนาศักยภาพคู่ค้า
แผนดำเนินการปี 2573
- ร้อยละ 100 ของคู่ค้ารายใหม่รับทราบและปฏิบัติตามจรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้า
- ร้อยละ 100 ของคู่ค้ารายใหม่ผ่านการคัดกรองตามเกณฑ์ด้านความยั่งยืน (ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม สิทธิมนุษยชนและแรงงาน และด้านจริยธรรมทางธุรกิจ)
- ร้อยละ 100 ของคู่ค้าสำคัญลำดับ 1 (Significant Tier-1 Suppliers) ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืน โดยการประเมินตนเอง (Self-Assessment)
- ร้อยละ 100 ของคู่ค้าลำดับ 1 (Tier-1 Suppliers) ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืน โดยการประเมินตนเอง (Self-Assessment)
การคัดกรองและขึ้นทะเบียนคู่ค้า
กระบวนการบริหารจัดการคู่ค้าของบริษัทเริ่มจากการประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนในการขึ้นทะเบียนคัดกรองคู่ค้า โดยคู่ค้าจะต้องดำเนินการลงทะเบียนออนไลน์ รับทราบจรรยาบรรณบริษัทและจรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้า และตอบแบบประเมินตนเองซึ่งครอบคลุมคุณสมบัติเกี่ยวกับผลการดำเนินงานและความเสี่ยงด้านความยั่งยืน และศักยภาพทางด้านธุรกิจ เช่น ด้านการดำเนินงาน ด้านสินค้าและบริการ ด้านราคา ด้านการส่งมอบสินค้าและบริการ เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทกำหนดให้คู่ค้าใหม่ต้องได้คะแนนรวมจากการประเมินตนเองไม่น้อยกว่า 65% จึงจะสามารถได้รับการขึ้นทะเบียนคู่ค้าของบริษัท (Approved Vendor List: AVL)
การจำแนกคู่ค้า
บริษัทจำแนกคู่ค้าตามระดับความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจและความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ โดยแบ่งคู่ค้าเป็น 3 ประเภท ได้แก่ คู่ค้าสำคัญลำดับ 1 คู่ค้าลำดับ 1 ทั่วไป และคู่ค้าสำคัญที่ไม่ได้ทำธุรกิจกับบริษัทโดยตรง
คู่ค้าที่มีความสำคัญมากที่สุด คือ คู่ค้าสำคัญลำดับ 1 ซึ่งพิจารณาจากเกณฑ์ต่างๆ ได้แก่ ปริมาณการซื้อขายกับบริษัทที่มีมูลค่าสูง ความเชี่ยวชาญ ความร่วมมือต่อกระบวนการทางธุรกิจที่สำคัญ ความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ และความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ ทั้งนี้ บริษัทกำหนดให้มีการทบทวนเกณฑ์การจำแนกคู่ค้าทุก 3 ปี หรือตามความเหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป


บริษัทมีการประเมินคู่ค้าเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการทำงานของคู่ค้าได้ปฏิบัติตามนโยบายการบริหารจัดการ ห่วงโซ่อุปทาน และจรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้าอย่างเคร่งครัด โดยมีแนวทางในการประเมินคู่ค้า ดังนี้
- การตรวจประเมินเชิงวิเคราะห์เอกสาร
- การประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนด้วยแบบประเมินตนเอง

บริษัทกำหนดให้คู่ค้าที่จะขึ้นทะเบียนกับบริษัทต้องผ่านเกณฑ์การคัดกรองตามเกณฑ์ด้านความยั่งยืนที่ 65% จึงจะสามารถได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นคู่ค้าของบริษัท (Approved Vendor List AVL) ทั้งนี้ บริษัทยังกำหนดให้คู่ค้าเดิมต้องทำการประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืน ด้วยแบบประเมินตนเอง เพื่อให้มั่นใจว่าคู่ค้ามีการดำเนินงานที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในจรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้าโดยผลการประเมินเสี่ยงด้านความยั่งยืนด้วยแบบประเมินตนเองของปี 2567 ไม่พบคู่ค้าที่มีความเสี่ยงด้านความยั่งยืนสูง
- การประเมินด้วยการตรวจเยี่ยม ณ สถานประกอบการของคู่ค้า
บริษัทพิจารณาให้มีการเข้าไปตรวจเยี่ยม ณ สถานประกอบการโดยพนักงานของบริษัท เพื่อให้มั่นใจในการดำเนินงานของคู่ค้าหากพบว่าผลการประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนของคู่ค้าสำคัญลำดับ 1 อยู่ในระดับสูง บริษัทจะทำการตรวจพิจารณากระบวนการที่สถานประกอบการ และพิจารณาการกระทำตามข้อกำหนดว่ามีการดำเนินงานที่อาจทำให้เกิดความเสี่ยง โดยอาจมีการขอเอกสารประกอบการพิจารณา และให้คำแนะนำเพื่อปรับปรุงประเด็นความเสี่ยงที่พบ (ถ้ามี) โดยคู่ค้าต้องผ่านเกณฑ์การประเมินที่กำหนดไว้ที่ 70%
ในปี 2565 บริษัทเริ่มดำเนินการจำแนกคู่ค้าเป็นครั้งแรก และกำหนดให้ทบทวนเกณฑ์การจำแนกคู่ค้าทุก 3 ปี อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจในการดำเนินงานของคู่ค้าสำคัญลำดับ 1 บริษัทจึงดำเนินการตรวจเยี่ยมและประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืน ณ สถานประกอบการ แม้ว่าผลการประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนของคู่ค้าสำคัญลำดับ 1 ทุกรายอยู่ในระดับที่ยอมรับได้และไม่พบคู่ค้าที่มีความเสี่ยงอยู่ในระดับสูง จนครบทั้ง 11 ราย เรียบร้อยแล้ว (ดำเนินการในปี 2566 จำนวน 2 รายและในปี 2567 จำนวน 9 ราย) โดยผลการประเมินการตรวจเยี่ยม ณ สถานประกอบการ พบว่าคู่ค้าทุกรายผ่านเกณฑ์ประเมินตามที่กำหนดไว้
ในปี 2565 บริษัทเริ่มดำเนินการจำแนกคู่ค้าเป็นครั้งแรก และกำหนดให้ทบทวนเกณฑ์การจำแนกคู่ค้าทุก 3 ปี อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจในการดำเนินงานของคู่ค้าสำคัญลำดับ 1 บริษัทจึงดำเนินการตรวจเยี่ยมและประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืน ณ สถานประกอบการ แม้ว่าผลการประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนของคู่ค้าสำคัญลำดับ 1 ทุกรายอยู่ในระดับที่ยอมรับได้และไม่พบคู่ค้าที่มีความเสี่ยงอยู่ในระดับสูง จนครบทั้ง 11 ราย เรียบร้อยแล้ว (ดำเนินการในปี 2566 จำนวน 2 รายและในปี 2567 จำนวน 9 ราย) โดยผลการประเมินการตรวจเยี่ยม ณ สถานประกอบการ พบว่าคู่ค้าทุกรายผ่านเกณฑ์ประเมินตามที่กำหนดไว้
- การประเมินความเสี่ยงคู่ค้าสำคัญลำดับที่ 1
บริษัทมีกระบวนการประเมินความเสี่ยงของคู่ค้าสำคัญลำดับ 1 ที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจขององค์กร ภายใต้เกณฑ์การประเมินความเสี่ยงที่บริษัทได้กำหนดไว้ ได้แก่ ระดับโอกาสที่จะเกิดความเสี่ยง (Likelihood) ระดับความรุนแรงของผลกระทบ (Impact) ในประเด็นต่างๆ ด้านความยั่งยืน ทั้งในมิติบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมประเด็นจริยธรรมทางธุรกิจ การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน การปฏิบัติด้านแรงงานและสิทธิมนุษยชน ความปลอดภัยและอาชีวอนามัย การจัดการสิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคมตามประเภทของคู่ค้า โดยบริษัทกำหนดระดับความเสี่ยงโดยรวมไว้ 4 ระดับ ดังนี้

- การประเมินผลปฏิบัติงานของคู่ค้า
การประเมินผลการปฏิบัติงานของคู่ค้าเพื่อสะท้อนถึงประสิทธิภาพ คุณภาพสินค้าและบริการ ความตรงต่อเวลาของการส่งมอบตลอดจนความสามารถในการตอบสนองความต้องการของบริษัท รวมถึงการแก้ไขปัญหาและข้อร้องเรียน (ถ้ามี) ของคู่ค้า ซึ่งมีหน่วยงานผู้ขอซื้อขอจ้างและหน่วยงานจัดซื้อเป็นผู้ประเมินร่วมกัน โดยมีผลการประเมินการปฏิบัติงานของคู่ค้าปี 2567พบว่าคู่ค้าทั้งหมด 100% มีคะแนนประเมินผลการปฏิบัติงานผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้
การพัฒนาศักยภาพคู่ค้า
บริษัทจัดการฝึกอบรมให้กับคู่ค้าในหลักสูตรต่างๆ เช่น การให้ความรู้แก่ผู้รับเหมาที่เข้าปฏิบัติงานในระบบรถไฟฟ้า เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องตามกฎระเบียบ และเกิดความปลอดภัยในการทำงาน และมีการจัดประชุมอบรมให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ รวมถึงนโยบายการต่อต้านทุจริตคอรัปชัน แนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อพัฒนาศักยภาพของคู่ค้า ตลอดจนจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อให้ความรู้ด้าน ESG แก่คู่ค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการดำเนินโครงการ Contractor Scorecard ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วม เพิ่มความตระหนักรู้และสร้างแรงจูงใจในการพัฒนาศักยภาพให้กับคู่ค้า และทำให้เกิดความปลอดภัยต่อพนักงาน ผู้รับเหมาและผู้โดยสาร อันเป็นการยกระดับความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน
การพัฒนาศักยภาพบุคลากรภายในหน่วยงาน
บริษัท สื่อสารนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ปฏิบัติด้านความยั่งยืนให้เจ้าหน้าที่จัดซื้ออย่างสม่ำเสมอ และจัดให้บุคลากรของฝ่ายจัดซื้อได้เข้ารับการฝึกอบรมด้านความยั่งยืนที่จัดขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักถึงความสำคัญในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน โดยสามารถนำหลักการและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จัดซื้อที่เข้าร่วมการฝึกอบรมผ่านเกณฑ์การอบรมทุกหลักสูตร นอกจากนี้ผู้บริหารระดับผู้จัดการแผนกขึ้นไป (ผู้จัดการ ผู้อำนวยการ และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ) ที่เกี่ยวข้องกับงานจัดซื้อจัดจ้างได้เข้ารับการฝึกอบรมในหัวข้อวิธีดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืนในเชิงปฏิบัติ ที่จัดขึ้นโดยสมาคมบริหารงานจัดซื้อและซัพพลายเชนแห่งประเทศไทยอีกด้วย
โครงการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว (Green Procurement)
บริษัทยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และมีนโยบายสิ่งแวดล้อมตลอดจนนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ดังนั้นเพื่อให้กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตอบสนองต่อนโยบายดังกล่าว จึงมีการจัดทำนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Procurement Policy) เพื่อกำหนดแนวปฏิบัติสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้ผู้บริหาร พนักงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดซื้อจัดจ้างทุกคนนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อให้สอดคล้องต่อนโยบายสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทต่อไป ดังนี้
- ส่งเสริมสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญในการบริหารวงจรชีวิตของสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องอย่างคุ้มค่า
- การจัดหาสินค้าและบริการจะพิจารณาจากผู้ขายหรือผู้ให้บริการที่มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นลำดับแรก เว้นแต่มีข้อจำกัดในด้านราคาหรืองบประมาณ
- ส่งเสริมการให้ความรู้และรณรงค์สร้างจิตสำนึกแก่พนักงานและผู้มีส่วนได้เสียในการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเลือกใช้สินค้าหรือบริการที่สนับสนุนการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ยังได้มีการจัดทำสื่อสารภายในเพื่อการกระตุ้นและสร้างความตระหนักในการมีส่วนร่วมในการจัดซื้อสินค้าบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับพนักงานอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การให้ความรู้และเชิญชวนใช้สินค้า Green Label, Green Hotel และ ตะกร้าเขียว
บริษัทมีนโยบายในการปฏิบัติต่อคู่ค้าทุกรายด้วยความเสมอภาค เป็นธรรม และโปร่งใส โดยยึดมั่นในการปฏิบัติตามเงื่อนไขและสัญญาต่างๆ อย่างเคร่งครัด มีขั้นตอนการทำงานอย่างรัดกุม มีกระบวนการสอบทานและควบคุมขั้นตอน การปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด มีระบบการควบคุมภายในที่ดี สามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส ซึ่งทำให้เกิดความมั่นใจว่ามีการจ่ายเงินอย่างถูกต้องและทันตามกำหนดเวลา โดยระบุไว้ที่ 30-45 วัน ภายหลังจากมีการส่งสินค้าหรือบริการและได้มีการเรียกรับวางบิลให้คู่ค้า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อตกลงที่ทำกับคู่ค้าแต่ละราย (อาจมากกว่า หรือน้อยกว่า 30-45 วัน)
ช่องทางการแจ้งเบาะแส หรือข้อร้องเรียน
บริษัทตระหนักและให้ความสำคัญ รวมถึงมีนโยบายในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน โดยจัดให้มีมาตรการป้องกันการทุจริตทั้งภายในและภายนอก กำหนดแนวทางและขั้นตอนการปฏิบัติ การติดตาม การเฝ้าระวัง แนวทางการทบทวน ประเมินความเสี่ยง เป็นต้น เพื่อให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัททุกคนได้ยืดถือและปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างโปร่งใสและมีคุณธรรม ยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้เสียตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและมีจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงมีความมุ่งมั่นในการต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ
บริษัทขอเป็นส่วนหนึ่งในการสื่อสารเพื่อรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ และร่วมแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน โดยขอเชิญชวนทุกท่านเข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่ายแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (Thai Private Sector Collective Action Against Corruption : CAC) หากบริษัทของท่านมีความสนใจเข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าว สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thai-cac.com
กรณีท่านพบพนักงานของบริษัทมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายไปในทางไม่สุจริตไม่ว่ากรณีใดๆ มีข้อสงสัยหรือพบเห็นการกระทำที่สงสัยว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ จรรยาบรรณ หรือนโยบายของบริษัท ท่านสามารถสอบถาม แจ้งเบาะแส หรือร้องเรียน พร้อมส่งรายละเอียดหลักฐานต่างๆ ตามช่องทางต่อไปนี้

แนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง
จรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้า
ร่วมธุรกิจกับ BEM : การจัดซื้อจัดจ้าง
สมัครขึ้นทะเบียนคู่ค้า