
ความมุ่งมั่นในการดำเนินงานด้านความยั่งยืน

สารจากกรรมการผู้จัดการ
บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้นำด้านการให้บริการระบบทางพิเศษและระบบขนส่งมวลชนด้วยรถไฟฟ้าแบบครบวงจร ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการบรรเทาปัญหาการจราจรในเมืองหลวงและพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อส่งมอบการบริการที่มีความปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว เชื่อถือได้ ตรงเวลา และมีประสิทธิภาพแก่ผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความท้าทายและสภาวะของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลง ของสิ่งแวดล้อม ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆ ความปลอดภัยของเทคโนโลยีสารสนเทศและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล รวมถึงการสนับสนุนความเท่าเทียมในสังคมและสิทธิมนุษยชน จากการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท ทำให้เกิดเป็นแรงผลักดันให้บริษัทมีการปรับตัวรองรับกับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการดำเนินธุรกิจให้มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ โดยบริษัทยึดมั่นในการพัฒนาที่ยั่งยืนบนความสมดุลในมิติเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม เพื่อก้าวไปสู่บริษัทที่มีความยั่งยืนและเป็นผู้นำในระดับประเทศอย่างแท้จริงด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน บริษัทได้กำหนดแผนกลยุทธ์เพื่อให้มีแนวทางในการบริหารจัดการประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนซึ่งผ่านการประเมินผลกระทบทั้งภายในและภายนอกบริษัทภายใต้หลักการ Double Materaility ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถติดตามผลการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิผล ทั้งนี้ บริษัทมีการดำเนินงานด้านความยั่งยืนในทั้ง 3 มิติอย่างสมดุลต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม อาทิ ลูกค้า พนักงาน สังคมและชุมชน โดยในปี 2567 บริษัทดำเนินการในมิติเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจและการกำกับดูแลกิจการที่ดี ให้ความสำคัญกับภารกิจหลัก เรื่องการรักษาคุณภาพในการให้บริการที่ดี เพื่อให้ผู้ใช้บริการเดินทางไปสู่จุดมุ่งหมายอย่างปลอดภัย พร้อมทั้งร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการมอบกิจกรรมสิทธิประโยชน์และโปรโมชันต่างๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการอีกด้วย
สำหรับมิติสิ่งแวดล้อม บริษัทมุ่งมั่นในการอนุรักษ์ทรัพยากรและลดการใช้พลังงาน เพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีการประสานความร่วมมือทั้งภายในและภายนอกบริษัทอย่างต่อเนื่อง เช่น การประสานความร่วมมือกับองค์กรที่บริษัทเป็นสมาชิก อาทิ เครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (TCNN) ซึ่งบริษัทได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกตั้งแต่ปี 2565 เพื่อขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศของบริษัท และให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทยที่กำหนดให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกมีความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2608 โดยบริษัทได้กำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามหลักวิทยาศาสตร์ (SBTi) ผ่านการดำเนินงานโครงการต่างๆของบริษัท เช่น โครงการติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นที่ศูนย์ซ่อมบำรุง บนหลังคาอาคาร และบนหลังคาที่จอดรถ เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทยังได้ดำเนินงานมิติสังคม สร้างเสริมสุขอนามัยและความปลอดภัยของผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง พัฒนาศักยภาพและดูแลบุคลากรอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงมีความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชนที่ดี ภายใต้แผนแม่บทด้านความรับผิดชอบต่อสังคม โดยยึดถือการมีส่วนร่วมของสังคม และชุมชนรายรอบเส้นทาง ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง การเคารพในความหลากหลาย ความเสมอภาค การไม่แบ่งแยก และสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือกับพันธมิตรทุกฝ่าย อีกทั้งยังมีการประเมินและทบทวนผลงานและผลกระทบของโครงการอย่างต่อเนื่องผ่าน โครงการ Happy Journey ความสุขของการเดินทาง “สุขภาพดีชีวีปลอดภัย” Happy Living Society ความสุขของชุมชนและสังคม “คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี” และ Happy Planet ความสุขของโลกที่ยั่งยืน “ร่วมดูแลสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม”
ในนามบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ขอขอบคุณทุกความไว้ใจและความร่วมมือจากผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน รวมถึงทุกข้อแนะนำอันทรงคุณค่า ซึ่งบริษัทจะนำมาพัฒนาและปรับปรุงต่อยอด เพื่อมุ่งไปสู่ความเป็นเลิศในการให้บริการ และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้บริการ พร้อมทั้งมั่นใจว่าบริษัทจะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง โดยยึดมั่นในแนวทางการดำเนินงานที่ยั่งยืน ภายใต้ธรรมาภิบาล พร้อมคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างเส้นทางแห่งความสุข “เดินทางร่วมกันสู่เป้าหมายที่ยั่งยืน (Mobility for All: Sharing the Sustainable Journey)”
นโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคม และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นโยบายความยั่งยืน
บริษัทในฐานะผู้ให้บริการทางพิเศษและระบบขนส่งมวลชนด้วยรถไฟฟ้า มุ่งมั่นพัฒนาโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่ง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง และช่วยบรรเทาปัญหาจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้บริการ บริษัทมีการปรับปรุงพัฒนาการบริการให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทาง อันจะเป็นการส่งมอบบริการที่มีโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งที่ทันสมัย และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน เพื่อส่งมอบ “Happy Journey with BEM : Better Trips for Better Life” ภายใต้การดำเนินธุรกิจด้วย ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเสมอมา และเป็นแนวทางปฏิบัติที่บริษัทยึดถือในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

บริษัทมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามหลักการความยั่งยืน โดยคณะกรรมการบริษัทได้แต่งตั้งคณะกรรมการบรรษัทภิบาล บริหารความเสี่ยง และการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อพิจารณาความเพียงพอและเหมาะสมในระดับนโยบาย และงานพัฒนาและบริหารโครงการทางพิเศษโดยฝ่ายพัฒนาความยั่งยืนทำหน้าที่ดูแลกระบวนการบริหารความยั่งยืนของบริษัทโดยรวม และปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานภายในบริษัทในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนร่วมกัน โดยมีการติดตาม ประเมินผล และจัดทำรายงานผลการบริหารความยั่งยืนเป็นระยะเพื่อรายงานคณะกรรมการบรรษัทภิบาล บริหารความเสี่ยง และการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ/หรือ คณะกรรมการบริษัททราบ ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทได้กำหนดนโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนเปิดเผยไว้บนเว็บไซต์ของบริษัท www.bemplc.co.th
โครงสร้างการบริหารความยั่งยืน

- คณะกรรมการบริษัท เป็นผู้กำหนดแนวทางและอนุมัตินโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมทั้ง ติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าว เพื่อให้มั่นใจว่า บริษัทมีการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนสร้างการสื่อสารกับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งลูกค้า พนักงาน สังคมและชุมชน รวมถึงผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายการดำเนินงานด้านความยั่งยืนขององค์กร ครอบคลุมมิติบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการบรรษัทภิบาล บริหารความเสี่ยง และการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อทำหน้าที่ดูแลและทบทวนการบริหารความยั่งยืนโดยรวมตลอดจนกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัท ให้สอดคล้องกับนโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยกำหนดให้ฝ่ายบริหารเป็นผู้ปฏิบัติตามนโยบาย และมีการทบทวนหรือประเมินการดำเนินงานด้านความยั่งยืนให้สอดคล้องกับกลยุทธ์และเป้าหมายทางธุรกิจ และความคาดหวังของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย รวมถึงสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งมีการติดตามการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ
- คณะกรรมการบรรษัทภิบาล บริหารความเสี่ยง และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทำหน้าที่พิจารณาแผนงานเกี่ยวกับการบริหารความยั่งยืน และการบริหารจัดการผู้มีส่วนได้เสียร่วมกับฝ่ายบริหาร เพื่อเสนอคณะกรรมการบริษัท ดูแลและทบทวนการบริหารความยั่งยืนโดยรวมตลอดจนกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัทให้สอดคล้องกับนโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัท รวมทั้งให้ คำปรึกษาและคำแนะนำในเรื่องการบริหารความยั่งยืนระดับองค์กร รวมถึงส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปรับปรุง และพัฒนาการบริหารความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง รายงานประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนขององค์กรต่อคณะกรรมการบริษัท ติดตามและประเมินการปฏิบัติงานตามแผนงานการบริหารความยั่งยืน รวมถึงผลการบริหารจัดการผู้มีส่วนได้เสีย โดยมีกำหนดการประชุมทุกไตรมาส
- สายงานพัฒนาธุรกิจและปฏิบัติการทางพิเศษ โดยฝ่ายพัฒนาความยั่งยืน จัดทำ ดูแล และพัฒนากระบวนการบริหารความยั่งยืนของบริษัท รวมถึงการประสานงานและร่วมมือกับหน่วยงานภายในบริษัท ในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนร่วมกัน โดยมีการจัดเตรียมข้อมูลเสนอคณะกรรมการบรรษัทภิบาล บริหารความเสี่ยง และการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นประจำทุกไตรมาส
แนวคิดด้านความยั่งยืนกับเป้าหมายองค์กร
เป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กรบริษัทมีการทบทวนกรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืน เพื่อวางเป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กร ในช่วงปี 2566 - 2573 ครอบคลุมการวางแผนกลยุทธ์ในระยะยาว โดยกรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัท เป็นดังนี้
Mobility for All : Sharing the Sustainable Journey
เดินทางร่วมกันสู่เป้าหมายที่ยั่งยืน

เดินทางร่วมกันสู่เป้าหมายที่ยั่งยืน

แนวทางการดำเนินงานด้านความยั่งยืน
บริษัทมีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการให้ความสำคัญด้านความยั่งยืนใน 3 มิติ ทั้งด้านบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านสังคม ซึ่งเป็นการร่วมตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติด้วย ดังนี้



การประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน
การประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการกำหนดทิศทางการพัฒนาองค์กรที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ขององค์กรและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย ช่วยให้องค์กรมั่นใจได้ว่าการผลักดันนโยบายและการดำเนินงานด้านความยั่งยืนนั้นได้รับการขับเคลื่อนไปใน ทิศทางที่ถูกต้อง ทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจและบรรษัทภิบาล (ESG) พร้อมคำนึงถึงประเด็นทางด้านสิทธิมนุษยชน
บริษัทได้ดำเนินการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับมาตรฐาน Global Reporting Initiative (GRI) 2021 เพื่อระบุและรายงานประเด็น ESG ที่สำคัญขององค์กร โดยคำนึงถึงมุมมองของหน่วยงานภายในและผู้มีส่วนได้เสียภายนอก จากนั้น พิจารณาว่าประเด็นใดที่มีนัยสำคัญหรือเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจขององค์กรและผู้มีส่วนได้เสียมากที่สุด ด้วยความสอดคล้องกับมาตรฐาน GRI องค์กรสามารถมั่นใจได้ว่าการประเมินและการรายงานสาระสำคัญมีความน่าเชื่อถือ โปร่งใส และเทียบเคียงได้กับองค์กรอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกันโดยผลประเมินจะถูกนำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในช่วงปี 2566 - 2569 สำหรับกำหนดนโยบายและแนวทางการจัดการด้านความยั่งยืนอย่างเหมาะสม รวมทั้งกำหนดรายละเอียดเนื้อหาการรายงานความยั่งยืนในแต่ละประเด็นให้ครบถ้วนเพื่อเปิดเผยการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทให้กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียรับทราบ และบริษัทจะดำเนินการทบทวนประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนทุก 3 ปี
การประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการกำหนดทิศทางการพัฒนาองค์กรที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ขององค์กรและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย ช่วยให้องค์กรมั่นใจได้ว่าการผลักดันนโยบายและการดำเนินงานด้านความยั่งยืนนั้นได้รับการขับเคลื่อนไปใน ทิศทางที่ถูกต้อง ทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจและบรรษัทภิบาล (ESG) พร้อมคำนึงถึงประเด็นทางด้านสิทธิมนุษยชน
บริษัทได้ดำเนินการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับมาตรฐาน Global Reporting Initiative (GRI) 2021 เพื่อระบุและรายงานประเด็น ESG ที่สำคัญขององค์กร โดยคำนึงถึงมุมมองของหน่วยงานภายในและผู้มีส่วนได้เสียภายนอก จากนั้น พิจารณาว่าประเด็นใดที่มีนัยสำคัญหรือเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจขององค์กรและผู้มีส่วนได้เสียมากที่สุด ด้วยความสอดคล้องกับมาตรฐาน GRI องค์กรสามารถมั่นใจได้ว่าการประเมินและการรายงานสาระสำคัญมีความน่าเชื่อถือ โปร่งใส และเทียบเคียงได้กับองค์กรอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกันโดยผลประเมินจะถูกนำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในช่วงปี 2566 - 2569 สำหรับกำหนดนโยบายและแนวทางการจัดการด้านความยั่งยืนอย่างเหมาะสม รวมทั้งกำหนดรายละเอียดเนื้อหาการรายงานความยั่งยืนในแต่ละประเด็นให้ครบถ้วนเพื่อเปิดเผยการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทให้กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียรับทราบ และบริษัทจะดำเนินการทบทวนประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนทุก 3 ปี
1. กระบวนการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน
ขั้นตอนที่ 1 การพิจารณาบริบทขององค์กร และกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโช่คุณค่าเพื่อกำหนดขอบเขตการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน
-
พิจารณาลักษณะการดำเนินกิจกรรมและบริบทขององค์กร (Organization Context) ในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย ที่มีความเกี่ยวข้องครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่า
- ศึกษาแนวโน้มของโลก (Global Trend) และประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจของกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อกำหนดประเด็นที่สำคัญเบื้องต้น
ขั้นตอนที่ 2 การระบุผลกระทบที่เกิดขึ้น และคาดการณ์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
- ระบุผลกระทบโดยการหารือร่วมกันกับหน่วยงานภายในและภายนอกองค์กร โดยการร่วมพิจารณาผลกระทบทั้งหมด ต่อผู้มีส่วนได้เสีย
- ในการระบุผลกระทบของประเด็นที่สำคัญจะครอบคลุมทั้งผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง และที่มีโอกาสเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม สังคมและเศรษฐกิจ รวมถึงผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งการพิจารณาผลกระทบข้างต้นจะทำให้บริษัทเข้าใจถึงความคิดเห็นความคาดหวัง และข้อห่วงกังวลของผู้มีส่วนได้เสียทั้งภายในและภายนอกองค์กร
ขั้นตอนที่ 3 การประเมินผลกระทบที่มีนัยสำคัญ
- รวบรวมความคิดเห็นที่มีต่อประเด็นความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ รวมถึงผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนจากกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียทั้ง 8 กลุ่ม โดยการพิจารณาในแง่มุมของผลกระทบที่มีความสัมพันธ์และมีผลกระทบต่อกัน (Spectrum) ทั้งทางบวกและทางลบ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ทั้งในความสามารถในการชดเชยผลกระทบ ครอบคลุมทุกกิจกรรมการดำเนินธุรกิจของบริษัทตลอดห่วงโซ่คุณค่า
- คำนวณระดับความสำคัญจากการพิจารณาโอกาสหรือความถีในการเกิดผลกระทบ (Likelihood) และระดับความรุนแรง (Severity) ซึ่งประกอบด้วยขนาด (Scale) ขอบเขต (Scope) และความสามารถในการชดเชย (Iremediable Character) ของผลกระทบ
บริษัทได้ปรับการพิจารณาระดับนัยสำคัญของผลกระทบ โดยใช้เมทริกซ์เพื่อประเมินความรุนแรงและแนวโน้มของผลกระทบ ซึ่งปรับจากเมทริกซ์ที่บริษัทใช้ในการประเมินความเสี่ยงองค์กร และนำผลที่ได้มาใส่ในเมทริกซ์ผลกระทบเชิงบวก และเมทริกซ์ผลกระทบเชิงลบ

ขั้นตอนที่ 4 การจัดลำดับความสำคัญของประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน
หลังจากจัดกลุ่มของผลกระทบและประเมินระดับความสำคัญของแต่ละประเด็นแล้ว บริษัทได้นำผลการประเมินที่ได้มาจัดลำดับความสำคัญของประเด็นสำคัญด้านความยังยืน โดยการใช้ระดับนัยสำคัญของผลกระทบที่คำนวณโดยมีการถ่วงนำหนักผลการประเมินทั้งเชิงบวกและเชิงลบ รวมทั้งคะแนนที่ได้จากการหารือและร่วมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญภายนอกที่มีต่อประเด็นสำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัท
ทั้งนี้ การจัดลำดับความสำคัญของประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน ทำให้บริษัทสามารถวางแนวทางการบริหารจัดการ ด้านความยั่งยืนได้อย่างมีทิศทางที่ถูกต้อง เหมาะสม และช่วยให้บริษัทสามารถกำหนดประเด็นที่ต้องดำเนินการจัดการผลกระทบในปัจจุบัน และ/หรือป้องกันผลกระทบด้านลบในอนาคตก่อนที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ อาจทำให้บริษัทได้พบประเด็นที่เป็นผลกระทบเชิงบวกซึ่งนำไปสู่โอกาสในอนาคตทั้งต่อบริษัทและผู้มีส่วนได้เสียจากนั้นบริษัทได้ประเมินและจัดลำดับความสำคัญตามกรอบการประเมิน Double Materiality โดยพิจารณาผลกระทบภายนอก ต่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อม และผลกระทบภายในทั้งทางด้านการเงินและที่ไม่ใช่การเงินที่มีต่อองค์กรอย่างรอบด้าน
การระบุประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนเบื้องต้น
หลังจากจัดกลุ่มของผลกระทบและประเมินระดับความสำคัญของแต่ละประเด็นแล้ว บริษัทได้นำผลการประเมินที่ได้มาจัดลำดับความสำคัญของประเด็นสำคัญด้านความยังยืน โดยการใช้ระดับนัยสำคัญของผลกระทบที่คำนวณโดยมีการถ่วงนำหนักผลการประเมินทั้งเชิงบวกและเชิงลบ รวมทั้งคะแนนที่ได้จากการหารือและร่วมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญภายนอกที่มีต่อประเด็นสำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัท
ทั้งนี้ การจัดลำดับความสำคัญของประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน ทำให้บริษัทสามารถวางแนวทางการบริหารจัดการ ด้านความยั่งยืนได้อย่างมีทิศทางที่ถูกต้อง เหมาะสม และช่วยให้บริษัทสามารถกำหนดประเด็นที่ต้องดำเนินการจัดการผลกระทบในปัจจุบัน และ/หรือป้องกันผลกระทบด้านลบในอนาคตก่อนที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ อาจทำให้บริษัทได้พบประเด็นที่เป็นผลกระทบเชิงบวกซึ่งนำไปสู่โอกาสในอนาคตทั้งต่อบริษัทและผู้มีส่วนได้เสียจากนั้นบริษัทได้ประเมินและจัดลำดับความสำคัญตามกรอบการประเมิน Double Materiality โดยพิจารณาผลกระทบภายนอก ต่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อม และผลกระทบภายในทั้งทางด้านการเงินและที่ไม่ใช่การเงินที่มีต่อองค์กรอย่างรอบด้าน
การระบุประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนเบื้องต้น
บริษัทสามารถระบุประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนได้ทั้งหมด 14 ประเด็น ครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจและบรรษัทภิบาล

การประเมินผลกระทบที่มีนัยสำคัญ
การประเมินผลกระทบที่มีนัยสำคัญของประเด็นสำคัญ บริษัทให้น้ำหนักระดับของผลกระทบที่แตกต่างกันเนื่องจากผลกระทบเชิงลบมีความสำคัญมากกว่า และมีผลกระทบมากกว่า จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขก่อนผลกระทบเชิงบวก

ระดับผลกระทบในแต่ละประเด็นด้านความยั่งยืน จะนำมาจัดลำดับความสำคัญของประเด็นสำคัญ โดยมีเกณฑ์การประเมินรวม 5 ระดับ คือ ต่ำมาก ต่ำ ปานกลาง สูง สูงมาก ซึ่งสอดคล้องกับการประเมินความเสี่ยงองค์กร
โดยระดับนัยสำคัญของผลกระทบที่คำนวณโดยมีการถ่วงน้ำหนักผลการประเมินทั้งเชิงบวกและเชิงลบ รวมทั้งคะแนนที่ได้จากการหารือและร่วมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญภายนอกที่มีต่อประเด็นสำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัท

ตารางแสดงระดับผลกระทบในแต่ละประเด็นด้านความยั่งยืนเบื้องต้น

2. การประเมินประเด็นสำคัญภายใต้หลักการ "DOUBLE MATERIALITY"
บริษัทได้เล็งเห็นความสำคัญในการพิจารณาประเด็นสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนจากมุมมองทั้งสองทิศทางในการดำเนินธุรกิจ
- ผลกระทบจากมุมมองภายนอก (Outside-In) : ประเด็น ที่สำคัญสำหรับสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจเกิดจาก กิจกรรม หรือการดำเนินธุรกิจของบริษัท ที่สุดท้ายแล้วอาจส่งผลย้อนกลับมายังบริษัทได้
- ผลกระทบจากมุมมองภายใน (Inside-Out) : ประเด็น ที่สำคัญสำหรับบริษัทโดยพิจารณาความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อด้านการเงินของบริษัท ซึ่งมีผลต่อความสำเร็จและความยั่งยืนของธุรกิจ
กระบวนการพิจารณาผลกระทบทั้งสองด้านนี้ สามารถช่วยให้บริษัทเข้าใจ และจัดการกับความสำคัญของประเด็นที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจของตนอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ในทางปฏิบัติ "Double Materiality" ช่วยให้บริษัทรับผิดชอบต่อกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียต่างๆ และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสามารถ ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จในระยะยาวได้
การประเมินประเด็นสำคัญภายใต้หลักการ "DOUBLE MATERIALITY" บริษัทได้บูรณาการการวิเคราะห์ผลกระทบและความเสี่ยงองค์กร (Enterprise Risk Management) เพื่อเป็นเครื่องมือในการประเมินผลกระทบจากมุมมองภายใน (Inside-Out) ประกอบด้วย 5 ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัย ด้านการเงิน (Finance) การดำเนินการ (Operation) กลยุทธ์ของบริษัท (Strategic) ภาพลักษณ์ (Reputational) และกฎระเบียบ (Regulatory) ซึ่งบริษัทได้ประเมินทั้งระดับของผลกระทบและโอกาสในการเกิดผลกระทบในประเด็นสำคัญต่างๆ โดยผู้บริหารระดับสูงได้นำประเด็นด้านความยั่งยืนที่ได้ชี้บ่งตั้งแต่ระดับประเด็นที่มีความจำเป็นและต้องเฝ้าระวัง (Essential) ไปจนถึงประเด็นสร้างคุณค่า (alue Creation) มาจัดลำดับความสำคัญโดยพิจารณาและระบุในตารางแสดงความสัมพันธ์

ในการพิจารณาประเด็นสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างยังยืนจากมุมมองทังสองทิศทางในการดำเนินธุรกิจ "Double Materiality" บริษัทคำนวณโดยมีการถ่วงน้ำหนักผลการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม และผลกระทบต่อองค์กรเพื่อนำผลการประเมินที่ได้มาจัดลำดับ และได้มาซึ่งประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนขององค์กร

ทั้งนี้ จากผลการพิจารณามีประเด็นสร้างคุณค่า (Value Creation) ทั้งหมด 4 ประเด็น จากประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนขององค์กรทั้งหมด 14 ประเด็น ได้แก่ สุขภาพและความปลอดภัย การพัฒนาศักยภาพและดูแลบุคลากร การบริหารจัดการพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความปลอดภัยของเทคโนโลยีสารสนเทศและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล

การขับเคลื่อนประเด็นด้านความยั่งยืนขององค์กรอันเป็นส่วนหนึ่งของการมีส่วนร่วมในการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs) ครอบคลุมทั้ง 3 มิติ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ (Corporate Governance & Economic) โดยสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 13 เป้าหมายจากทั้งหมด 17 เป้าหมาย ผ่านประเด็นความยั่งยืนที่สำคัญของบริษัท 10 ประเด็น และประเด็นพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจของบริษัท 4 ประเด็น

3. การทบทวนประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน
บริษัทให้ความสำคัญเป็นอย่างมากต่อกระบวนการจัดลำดับประเด็นด้านความยั่งยืนที่มีความสำคัญต่อกระบวนการดำเนินงานของบริษัทและ ผู้มีส่วนได้เสีย โดยกำหนดให้มีการดำเนินการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนเป็นประจำทุก 3 ปี และนำเสนอต่อคณะผู้บริหาร เพื่ออนุมัติประเด็นที่เป็นสาระสำคัญ ซึ่งช่วยให้บริษัทมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับประเด็นด้านความยั่งยืนที่อาจเกิดขึ้นหรือเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์และช่วงเวลา ทำให้บริษัทสามารถวางแนวทางเพื่อผลักดันประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนที่ลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทั้งต่อภายนอกและภายในองค์กร
ห่วงโซ่คุณค่าของบริษัทบริษัทให้ความสำคัญเป็นอย่างมากต่อกระบวนการจัดลำดับประเด็นด้านความยั่งยืนที่มีความสำคัญต่อกระบวนการดำเนินงานของบริษัทและ ผู้มีส่วนได้เสีย โดยกำหนดให้มีการดำเนินการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนเป็นประจำทุก 3 ปี และนำเสนอต่อคณะผู้บริหาร เพื่ออนุมัติประเด็นที่เป็นสาระสำคัญ ซึ่งช่วยให้บริษัทมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับประเด็นด้านความยั่งยืนที่อาจเกิดขึ้นหรือเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์และช่วงเวลา ทำให้บริษัทสามารถวางแนวทางเพื่อผลักดันประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนที่ลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทั้งต่อภายนอกและภายในองค์กร
เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านการให้บริการระบบคมนาคมขนส่งที่ครบวงจรของประเทศและในภูมิภาคอาเซียน บริษัทมีความมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพระบบคมนาคมขนส่งของประเทศ พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความสะดวก ปลอดภัย มั่นคง และเชื่อถือได้ ครอบคลุมทั้งธุรกิจทางพิเศษ ธุรกิจระบบราง ที่สอดคล้องกับนโยบายการร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานกับภาครัฐ รวมถึงธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ที่พร้อมดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างคุณค่าร่วมกับการสร้างมูลค่าเพิ่มและประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนภายใต้หลักธรรมาภิบาล และเสริมสร้างความผูกพันกับผู้มีส่วนได้เสียตลอดห่วงโซ่คุณค่าทั้งภายในและภายนอกองค์กร บริษัทได้วางแผนการบริหารจัดการห่วงโซ่คุณค่าที่ครอบคลุมความหลากหลายของกิจกรรม ประกอบด้วยกิจกรรมหลัก ตั้งแต่การวางแผนและการก่อสร้างจนถึงการส่งมอบการบริการ รวมถึงกิจกรรมสนับสนุนต่างๆ มีส่วนในการขยายโอกาสทางธุรกิจ และเพิ่มขอบเขตการมีส่วนร่วมต่อสังคมภายนอกอย่างมีประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น
1. กิจกรรมในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท

ห่วงโซ่คุณค่าของ BEM


1.1 กิจกรรมหลัก
- การวางแผนและบริหาร : การวางแผนและกำหนดยุทธวิธีที่จะพัฒนาคุณภาพการบริการ และมีประสิทธิภาพต่อลูกค้าโดยคำนึงถึงการจัดทรัพยากร โดยการวางแผนจะต้องดำเนินการให้ครอบคลุมธุรกิจการทางพิเศษ ธุรกิจระบบราง และธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ รวมทั้งกำหนดระบบการตรวจสอบความเสี่ยง เพิ่มโอกาสการขยายโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายให้มีความเชื่อมโยงกับระบบสาธารณะอื่นๆ เพื่อสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนและเพิ่มผลกำไรในระยะยาวของบริษัท
- การก่อสร้าง : การสร้างพื้นที่และโครงสร้างทางพิเศษและรถไฟฟ้าเพื่อรองรับการให้บริการ ความเสถียรและคุณภาพของโครงสร้าง มีผลต่อประสิทธิภาพของระบบขนส่งของบริษัท บริษัทเน้นการใช้วัสดุและเทคโนโลยีที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการลดการรบกวน ต่อชุมชนในระหว่างก่อสร้าง นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนโครงการที่สร้างคุณค่าต่อสังคมผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ เพื่อช่วยสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นจากสังคมและชุนชนโดยรอบ
- การปฏิบัติการ : เน้นการปฏิบัติการทั้งภายในและภายนอกองค์กรเพื่อส่งเสริมการบริการระบบขนส่ง และธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ให้กับ ลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพ และเพื่อรักษาความพึงพอใจของลูกค้าและความสำเร็จของธุรกิจ โดยการปฏิบัติการครอบคลุม ถึงระบบการจัดการภายในองค์กร การสนับสนุนลูกค้าในการใช้บริการอย่างสะดวก รวดเร็ว พร้อมทั้งมีการติดตามและจัดการความต้องการของลูกค้า และทำให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพสอดคล้องตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้ นอกจากนี้ ยังเน้นการเพิ่มความปลอดภัยและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในกระบวนการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การควบคุมและรักษาการดำเนินการของบริษัทเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยที่กำหนดโดยหน่วยงานกำกับดูแลและภาครัฐ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการช่วยสร้างความเชื่อถือในระบบขนส่งของบริษัทที่จะต้องผนวกรวมอยู่ในระบบการปฏิบัติการอย่างเคร่งครัด
- การตลาดและการขาย : เน้นการตลาดและบริการของบริษัทให้กับลูกค้า โดยการสร้างการรับรู้และความสัมพันธ์ของลูกค้าผ่านสื่อประชาสัมพันธ์และการส่งเสริมที่เน้นคุณค่าทางสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการจัดโครงการที่สร้างสรรค์และเข้ากับความต้องการของ ลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทยังเน้นการใช้เทคโนโลยีในการเพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการให้บริการของบริษัท เช่น ระบบชำระเงินในรูปแบบที่หลากหลาย ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการและสร้างความพึงพอใจในระบบขนส่งที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อชุมชนและสังคม ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของบริษัทที่มุ่งมั่นพัฒนา และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ชุมชน และสังคมเป็นสำคัญอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ บริษัทมีโครงการส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะสำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงการสนับสนุนโครงการ ด้าน ESG ต่างๆ ที่สร้างคุณค่าร่วมทั้งภายนอกและภายในองค์กร - การส่งมอบบริการ : การส่งมอบบริการตามแผนและเป้าหมายทางธุรกิจ ธุรกิจทางพิเศษ ธุรกิจระบบราง และธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์เป็นส่วนสำคัญในการให้บริการและสร้างรายได้สำหรับบริษัท

- การให้บริการหลังการขายและการบริการ : เป็นกิจกรรมที่สำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากมีผลโดยตรงต่อความพึงพอใจของลูกค้าและความยั่งยืนของธุรกิจ โดยบริษัทมุ่งเน้นการสนับสนุนลูกค้าในการแก้ไขปัญหาและการตอบสนองเหตุที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในบริการของบริษัท ทั้งนี้ การสร้างระบบการส่งมอบบริการหลังการขายที่ดีจะช่วยให้บริษัทสามารถบริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสร้างความพึงพอใจที่ยั่งยืน
1.2 กิจกรรมสนับสนุน
- การจัดซื้อจัดจ้าง : บริษัทมุ่งเน้นการบริหาร คัดเลือก และการจัดซื้อ จัดจ้างจากคู่ค้าที่พิจารณาครอบคลุมปัจจัยด้าน ESG เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม และเพิ่มความยั่งยืนของธุรกิจ การเลือก คู่ค้าที่มุ่งมั่นทาง ESG และคัดเลือกวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะช่วยให้ธุรกิจลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ ส่งเสริมให้เกิด พันธมิตรที่ร่วมกันพัฒนาและเปิดโอกาสให้เกิดความยั่งยืนทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม และการรับรองความปลอดภัยในการจัดการโดยทั่วไป ซึ่งสามารถสร้างความไว้วางใจของลูกค้า นักลงทุน และสังคมที่เกี่ยวข้อง
- การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ : การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนกระบวนการธุรกิจและการบริการให้มีประสิทธิภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้บริษัทสามารถตรวจสอบและติดตามการให้บริการอย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยใช้ระบบการรักษาความปลอดภัยในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางธุรกิจของผู้มีส่วนได้เสียที่ทันสมัย เพื่อปกป้องข้อมูลลูกค้าและปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงและมีการบริหารข้อมูลที่เข้มงวดจะช่วยลดความเสี่ยงในการขาดความมั่นคงของข้อมูลและความเสี่ยงทางกฎหมายที่อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทนอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการพัฒนาการบริการและกระบวนการธุรกิจจะเพิ่มประสิทธิภาพและความมั่นคงของบริษัท ช่วยสร้างความพึงพอใจของลูกค้า และเสริมสร้างความเชื่อมโยงในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นปัจจัยสำคัญในยุคที่ข้อมูลมีความสำคัญอย่างมากในธุรกิจและสังคมในปัจจุบัน
- การบริหารทรัพยากรบุคคล : การจัดการทรัพยากรบุคคลให้มีประสิทธิภาพ มีการฝึกอบรมที่เหมาะสม และการส่งเสริมพัฒนาการวางแผนทรัพยากรบุคคลเพื่อให้บุคลากรมีความพร้อมและความสามารถในการปฏิบัติตามกิจกรรมหลักและสนับสนุนให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยปัจจัยที่ต้องดำเนินการควบคู่กับการเสริมทักษะการทำงานและพัฒนาบุคลากรแล้ว บริษัทยังเน้นการสนับสนุนและส่งเสริมการเคารพด้านสิทธิมนุษยชน ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่าง (Diversity, Equity, Inclusion : DEI) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมที่มีการยอมรับและรองรับความหลากหลายของพนักงาน นอกจากนี้ การสนับสนุนการมีส่วนร่วมของพนักงานยังเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือ ทำให้พนักงานรู้สึกถึงการมีส่วนร่วมในการพัฒนาธุรกิจ
2. การวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท
บริษัทมุ่งมั่นในการบริหารจัดการเพื่อความยั่งยืน โดยให้ความสำคัญในการสร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียที่เชื่อมโยงกับธุรกิจของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ พนักงานที่เป็นพื้นฐานการพัฒนาที่สำคัญของบริษัท คู่ค้าและผู้รับเหมาที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ลูกค้าที่บริษัทคาดหวังในการให้บริการด้วยคุณภาพและยกระดับความพึงพอใจ รวมถึงสังคมและชุมชนที่อยู่ร่วมกัน นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับเจ้าหนี้ ผู้ถือหุ้น สื่อมวลชนและหน่วยงานกำกับดูแลและภาครัฐที่มีส่วนรับผิดชอบในการควบคุมและกำกับดูแลบริษัท เพื่อเสริมสร้างความไว้วางใจและความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ อันจะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือและความเชื่อมโยงระหว่างทุกกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย ที่มาจากการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิผลและสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน อันจะเป็นประโยชน์ต่อทุกกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียและก่อให้เกิดการเชื่อมโยงอันแข็งแกร่ง นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดรับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย รวมทั้งประเด็นความคาดหวังในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อที่บริษัทจะสามารถปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานให้ตอบสนองต่อความคาดหวังของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียแต่ละกลุ่ม และเพิ่มโอกาสให้กับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียเพื่อเสริมความเข้มแข็งลดความเสี่ยง และสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่สร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน